ประเทศ ซาอุดีอาระเบีย เป็นสมาชิกกลุ่มประเทศที่ส่งน้ำมันปีโตรเลียมเป็นสินค้าออก หรือ OPEC ในจำนวนทั้งหมด 11 ประเทศ ทั้งยังเป็นผู้นำกลุ่มความร่วมมือในอ่าวอาหรับ หรือ Cooperation Council of Gulf States (GCC) นอกจากนี้ ซาอุฯ ยังได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) เมื่อไม่นานมานี้อีกด้วย
ดังนั้น เศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบีย จึงพึ่งรายได้จากการส่งออกน้ำมันเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของ King Abdullah Bin Abdullaziz มีการเร่งดำเนินนโยบายที่จะสร้างผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) โดยการส่งเสริมอุตสาหกรรมและการลงทุนด้านอื่นๆ มากขึ้น แต่รายได้หลักของประเทศ ก็ยังมาจากการค้าขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ที่มีน้ำมันสำรองมากถึงร้อยละ 25 ของโลก โดยเฉพาะในภาวะที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่องมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ทำให้ซาอุฯ ได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล ตลาดหลักทรัพย์และการลงทุนมีการขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งโดยนักลงทุนในประเทศ และการลงทุนจากต่างประเทศที่เปิดกว้างมากขึ้น การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ซาอุฯ พุ่งสูงขึ้นเกิน 15,000 จุดทุกภาคการลงทุน ทั้งในภาคการธนาคารและการเงิน และภาคอุตสาหกรรม และยังคงมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อไปแม้ว่า ในระยะที่ผ่านมาจะมีสถานการณ์การก่อการร้ายเกิดขึ้นเป็นระยะๆ แต่ด้วยมาตรการเฉียบขาดของรัฐบาล ทำให้สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติได้ในระดับหนึ่ง และการที่องค์การการค้าโลก (World Trade Organization) รับซาอุฯ เข้าเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2548 ถือว่าส่งผลด้านบวกอย่างสำคัญต่อบทบาททางการค้าและเศรษฐกิจของซาอุฯ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เชื่อว่า ซาอุฯ จะมีบทบาทในเวทีการค้าโลกเพิ่มมากขึ้น และการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 10-15 ปี ทั้งนี้ หากไม่มีปัญหาอุปสรรคจากการก่อการร้าย และเสถียรภาพของราชวงศ์และรัฐบาลซาอุฯ ยังอยู่ในระดับปัจจุบัน
2435